Browse
Search Research Outputs
Recent Additions
- PublicationGeneration Z's expressions of dissatisfaction in the Thailand context.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2022.)
- PublicationA Model of factors affecting the efficiency of decision making to select successor in family business of Thailand.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2022.)
- Publicationการพัฒนาตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือของตราสินค้าองค์กรข่าวในอุตสาหกรรมข่าวของประเทศไทย = The Development of Thai News organization’s corporate brand credibility indicator.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2566.)การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและสร้างโมเดลตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือของตราสินค้าองค์กรข่าวสำหรับอุตสาหกรรมข่าวของประเทศไทย จากกระบวนการพัฒนา ดังนี้ 1.) การสังเคราะห์ตัวชี้วัดจากการวิเคราะห์เนื้อหางานวิจัยตั้งแต่ปี ค.ศ.1953-2022 โดยสืบค้นงานวิจัยจากฐานข้อมูลทางวิชาการในระบบออนไลน์ ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงเฉพาะงานวิจัยที่มีการใช้ตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือ และ งานวิจัยที่มุ่งแสวงหาตัวชี้วัด จากเกณฑ์ดังกล่าว มีงานวิจัยของต่างประเทศที่ศึกษาทั้งสิ้น 107 เรื่อง และประเทศไทย 12 เรื่อง ใช้แบบจำแนกข้อมูลเป็นเครื่องมือ โดยทดสอบด้วยค่าความเชื่อมั่นได้เป็น 0.80 - 1.00 ตามสูตรของโฮสติ (Holsti, 1969) 2). การสัมภาษณ์เชิงลึก นักวิชาการ และนักวิชาชีพด้านข่าว และ ตราสินค้าสื่อมวลชน 3.) วิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างตัวชี้วัด กับข้อกำหนดด้านจริยธรรมขององค์กรวิชาชีพด้านข่าวในประเทศไทย แนวคิดเกี่ยวกับตราสินค้าและผลการสัมภาษณ์เชิงลึก 4.) การวิจัยเชิงสำรวจ 2 ครั้งกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักวิชาการ และ นักวิชาชีพด้านข่าว ครั้งละ 300 คน (Comrey & Lee, 1992) โดยครั้งที่ 1 เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจโดยใช้เครื่องมือที่ได้จากกระบวนการพัฒนาในข้อ1-3 และการสำรวจครั้งที่ 2 เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันและสร้างโมเดลตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือของตราสินค้าองค์กรข่าวสำหรับอุตสาหกรรมข่าวของประเทศไทย โดยใช้เครื่องมือที่ได้จากผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจจากการวิจัยเชิงสำรวจ ครั้งที่ 1 ผลการศึกษา พบว่าโมเดลตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือของตราสินค้าองค์กรข่าวฯประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ“คุณลักษณะด้านเนื้อหาข่าว” มี12ตัวชี้วัด “คุณลักษณะของสื่อหรือองค์กร” มี 13 ตัวชี้วัด “คุณลักษณะด้านบุคลากรข่าว” มี 7 ตัวชี้วัด และพบว่า โมเดลตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือของตราสินค้าองค์กรข่าวในอุตสาหกรรมข่าวของประเทศไทยจากการวิจัยในครั้งนี้ มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์โดยพิจารณาจากค่า 2เท่ากับ 940.89 df = 362 2/df = 2.59 p-value = 0.00 ค่า RMSEA = 0.07 ค่า SRMR = 0.05 ส่วนในดัชนีกลุ่มเปรียบเทียบ พบว่า ค่า NFI = 0.97 ค่า CFI = 0.98 ซึ่งผลการศึกษานี้องค์กรสื่อสามารถนำไปเป็นแนวทางในการสร้างและรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กรอันเป็นคุณสมบัติหลักของสื่อมวลชน
- Publicationการจัดการตราสินค้าบุคคลของ ธงไชย แมคอินไตย์ และความผูกพันมั่นคงของแฟนคลับ.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2566.)งานวิจัยเชิงคุณภาพนี้ศึกษาด้วยวิธีวิทยาผสมผสานระหว่างวิธีวิทยาการวิเคราะห์การสนทนาและวิธีวิทยาการศึกษาเรื่องเล่า มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาอัตลักษณ์ของ ธงไชย แมคอินไตย์ และ 2) เพื่อศึกษาการพัฒนาด้านความผูกพันมั่นคงของแฟนคลับ ธงไชย แมคอินไตย์ มีผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ธงไชย แมคอินไตย์ ผู้จัดการส่วนตัว ผู้ร่วมงาน และแฟนคลับ รวมจำนวน 37 คน ผลการวิจัย พบว่า ธงไชย แมคอินไตย์ มีอัตลักษณ์ตราสินค้าบุคคลในฐานะศิลปินนักร้อง ครบสมบูรณ์ 4 ด้าน ซึ่งเป็นไปตามค่านิยมและวัฒนธรรมประเพณีไทย ปรากฏผ่านผลงาน ความสามารถและตัวตน และการสนับสนุนจากบริษัทค่ายเพลงต้นสังกัด ดังนี้ 1) นักร้องที่มีความสมบูรณ์แบบด้วยคุณสมบัติ คุณลักษณะพิเศษ และเป็นต้นแบบที่มีความร่วมสมัยอยู่เสมอ และทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย 2) แสดงภาพสะท้อนองค์กรต้นสังกัดด้วยผลงานคุณภาพ นวัตกรรม ความรับผิดชอบต่อสังคมจนสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตราสินค้าย่อยในกลุ่มผลงานของ ธงไชย แมคอินไตย์ 3) ตัวตนที่สะท้อนความสัมพันธ์ในฐานะ พี่ชาย ด้วยบุคลิกภาพ 7 ด้านคือ ความจริงใจ ความตื่นเต้นเร้าใจ ความสามารถ ความลุ่มลึก ความเข้มแข็ง ความกตัญญู และความโอบอ้อมอารี และ 4) มีน้ำเสียงที่โดดเด่น และสัญลักษณ์เทียบได้กับตัวอักษร B หรือ Bird ภาพนกนางนวล และโทนสีฟ้า-น้ำเงิน ซึ่งนำมาประกอบตราสัญลักษณ์คอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ด (BABB BIRD BIRD) มีฉายาบันเทิงคือ ซูเปอร์สตาร์ตลอดกาล และการรักษาชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนาน การพัฒนาด้านความผูกพันมั่นคงของแฟนคลับ ธงไชย แมคอินไตย์ พบว่า ผู้สร้างความผูกพันมั่นคงที่ยั่งยืน คือ ตัวตนศิลปิน ตัวแทนศิลปิน ผลงาน และเครือข่ายแฟนคลับ โดยมีแฟนคลับ 3 กลุ่ม คือ ผู้ติดตามใกล้ชิดเข้าถึงข้อมูลผ่านผู้จัดการส่วนตัวศิลปิน ผู้ติดตามใกล้ชิดผ่านสื่อต่าง ๆและผู้ติดตามทั่วไป สื่อสารผ่านกิจกรรมและสื่อออนไลน์ของศิลปิน และช่องทางสื่อสารของเครือข่ายแฟนคลับ และมีปัจจัยสร้างความผูกพันมั่นคง ได้แก่ ด้านเหตุผล คือ 1) การสร้างความมั่นใจ ด้วยผลงานคุณภาพ ความเป็นมืออาชีพ การสนับสนุนจากค่ายเพลงต้นสังกัด อิทธิพลจากครอบครัวแฟนคลับ และ 2) การแสดงความซื่อสัตย์และความจริงใจ คือ ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณและดูแลผู้อื่นอย่างจริงใจ เปิดเผยข้อมูลความจริงใจ การแสงความเมตตากรุณา และปราศจากชื่อเสียงเชิงลบ ด้านอารมณ์ คือ 1) การสร้างความภูมิใจ จากชื่อเสียงและความนิยมที่สั่งสมยาวนาน การประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี เป็นต้นแบบ และ 2) การสร้างความหลงใหล ด้วยการปฏิบัติต่อผู้อื่นเสมือนคนในครอบครัว มอบความพิเศษเฉพาะบุคคล สร้างคุณค่าแห่งการรอคอย และมีความเสมอต้นเสมอปลาย
- Publicationการสื่อสารอัตลักษณ์ความเป็นไทยผ่านการออกแบบเรขศิลป์บนบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของผู้ประกอบการ SME ไทยเพื่อมุ่งสู่ตลาดโลก = Communication of Thai identity through graphic design on skincare packaging of Thai entrepreneurs for the global market.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2565.)
Most viewed
- Publicationการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง กรณีศึกษา: บริษัท ภูมิไทย คอมซีส จำกัด(University of the Thai Chamber of Commerce, 2012)ในการศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ของบริษัท ภูมิไทย คอมซีส จำกัดผู้ศึกษาได้ทำการศึกษา สำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูล ที่เกี่ยวข้องพบว่าสาเหตุที่ทำให้การให้ดำเนินงานของบริษัทฯ ขาดประสิทธิภาพคือ มีสินค้าคงคลังปริมาณสูง คลังสินค้ามีวิธีการจัดเก็บและจัดวางไม่เหมาะสม และกระบวนการเบิกจ่ายอะไหล่ให้ช่างใช้เวลานานและมีข้อผิดพลาดสูง ดังนั้นวัตถุประสงค์ของงานวิจัย คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้าของบริษัท ภูมิไทย คอมซีส จำกัด ขั้นตอนเริ่มจากการปรับปรุงวิธีการดำเนินงานการรับสินค้า การเบิกจ่าย การปรับปรุง จำนวนรายการอะไหล่ จัดความสำคัญอะไหล่ด้วยวิธี ABC การตั้งรหัสสินค้า และการตั้งรหัสการจัดเก็บในคลังสินค้า การออกแบบแผนผังการจัดเก็บ ระบุตำแหน่งการจัดเก็บ จากนั้นทำการตรวจนับสินค้าทั้งหมด จากการศึกษาพบว่าผลการปรับปรุงนั้นทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการคลังสินค้าคือ สินค้ามีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น เวลาเฉลี่ยในการเบิกจ่ายอะไหล่ให้ช่างลดลงจาก 24 นาทีเป็น 11 นาทีต่อครัง้ รวมเฉลี่ยต่อวันคิดเป็น 33 นาที และอัตราส่วนความผิดพลาดในการตรวจนับสินค้าลดลงจาก 46.14% เป็น 21.25%
- Publicationการศึกษาปัญหา และการจัดการเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มผลประกอบการของธุรกิจผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กรณีศึกษา บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จากัด (มหาชน)(University of the Thai Chamber of Commerce, 2011)การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เรื่อง ปัญหา และการจัดการเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มผลประกอบการของธุรกิจผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กรณีศึกษา บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) วัตถุประสงค์ คือ เพื่อยืนยันปัญหา/สาเหตุของปัญหาและปัจจัยสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ที่ส่งผลกระทบต่อระดับองค์กร ระดับหน่วยธุรกิจและระดับหน้าที่ด้านการตลาดของผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์มาม่า และเพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการแก้ปัญหา ทั้งในระดับองค์กร ระดับหน่วยธุรกิจ และระดับหน้าที่ด้านการตลาดของผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์มาม่า รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติตามกลยุทธ์ และควบคุมประเมินผล โดยได้ออกแบบการวิจัยเป็นแบบเชิงคุณภาพ มีการศึกษาข้อมูลปฐมภูมิ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และการทาแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 112 คน และมีการศึกษาข้อมูลทุติยภูมิ จากข้อมูลในแหล่งต่างๆ และนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์ เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในแต่ละระดับ โดยมีการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น SWOT , Five Forces,STP,4PและTOWS_Matrix จากการศึกษาพบว่า ในปี 2553 มาม่ามีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ลดลง 2 % คือจากเดิม 56% เปลี่ยนแปลงเป็น 54% ทำให้ต้องสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับคู่แข่ง ดังนั้น จากปัญหาดังกล่าว เพื่อเพิ่มผลประกอบการของธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทย บริษัทฯควรเลือกใช้กลยุทธ์ ดังนี้ 1.กลยุทธ์ระดับองค์กร เน้นกลยุทธ์การเติบโต (Growth Strategy) เพื่อเป็นการสร้างรายได้ และตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งขององค์กรให้สามารถเติบโตได้ในระยะยาว 2.กลยุทธ์ระดับหน่วยธุรกิจ เน้นกลยุทธ์สร้างความแตกต่างเฉพาะกลุ่ม โดยการสร้าง Product Differentiation ออกมา เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นและตอบโจทย์ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป และ 3.กลยุทธ์ระดับหน้าที่งาน ควรเน้นกลยุทธ์ส่วนประสมทางการตลาด(Marketing Mix Strategy) และ กลยุทธ์การบริหารลูกค้าสัมพันธ์(CRM) ในการสร้างความจงรักภักดี โดยการรักษาฐานลูกค้าเก่าซึ่งมีความสำคัญมากพร้อมกับหาฐานลูกค้ารายใหม่ เนื่องจากถ้าเน้นแต่หาลูกค้าใหม่อย่างเดียวจะทำให้องค์กรมีต้นทุนในการดำเนินงานมากขึ้น ดังนั้น จึงควรนำ CRM เข้ามาใช้ร่วมกับ 4Ps เพื่อสำหรับใช้ในการพัฒนาและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้กับองค์กรในระยะยาว ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด
- Publicationกลยุทธ์ธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดเพื่อเสริมความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Cargo): กรณีศึกษา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สาขา การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(University of the Thai Chamber of Commerce, 2010)การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เรื่อง การศึกษาปัญหา และการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเสริมความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Cargo)กรณีศึกษา บริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน)วัตถุประสงค์ คือ 1).เพื่อยืนยันปัญหาจากปัจจัยในการแข่งขันภายใอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าทางอากาศของ Thai Cargo 2).เพื่อศึกษากลยุทธ์การบริหารการจัดการด้านศูนย์กระจายสินค้า (Hub) ด้านการขนส่งที่ทันเวลาและความปลอดภัยในการส่งสินค้าของ Thai cargo 3).กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าของ Thai cargo โดยมีระเบียบวิธีการศึกษาวิจัยค้นว้า คือ การวิจัยการวิจัยเชิงคุณภาพได้ออกแบบการวิจัยโดยแบบทุติยภูมิ คือ ศึกษาข้อมูลจาก รายงานประจำปีของบริษัทการบินไทย ข้อมูลพื้นฐานสภาพเศรษฐกิจการตลาดด้านขนส่งทางอากาศ ศึกษาจากเว็บไซต์ต่างๆ หนังสือและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจากการศึกษาจึงศึกษาข้อมูลแบบปฐมภูมิได้สัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้บริหารฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และหัวหน้าฝ่ายพัฒนาตลาดของ Thai Cargo และการสัมภาษณ์กับกลุ่มลุกค้าตัวอย่างที่ใช้บริการขนส่งสินค้าของ Thai Cargo ผลการศึกษาว่ากลยุทธ์ที่เหมาะสมนำไปใช้ กลยุทธ์ระดับองค์ (Corporate Strategy) คือกลยุทธ์แบบเติบโต (Growth Strategy) กลยุทธ์ระดับ ธุรกิจ (Business Strategy) คือ กลยุทธ์ทางด้านการสร้างความแตกต่าง (Differentiation Strategy) กลยุทธ์มุ่งเน้นเฉพาะกลุ่ม (Focus Strategy) ส่วนกลยุทธ์ระดับหน้าที่ (Functional Strategy) การพัฒนาบุคคลากร (Human Resources Development) การพัฒนาการให้บริการในพื้นที่กระจายสินค้า Hub เพื่อความพึงพอใจในการเข้ามาส่งสินค้ากับ Thai Cargo ให้เกิดความพึงพอใจสุงสุด จาก Five Force Model, วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในแบบผังกางปลา การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก (SWOT Analysis), วิเคราะห์กลยุทธ์โดยใช้ TOWS Matrix Model จากนั้นนาผลที่ได้มาการจัดการเชิงกลยุทธ์ ระดับองค์กร ระดับธุรกิจ และระดับปฏิบัติการซึ่งกำหนดทางเลือกได้ 3 ทางเลือก คือ 1.Growth Strategy การรวมกันโดยการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเจาะตลาด 2)กลยุทธ์ระดับธุรกิจ คือ กลยุทธ์การมุ่งเน้นและความแตกต่าง(Focus Differentiation Strategy)และกลยุทธ์สร้างควาแตกต่าง(Differentiation Strategy) 3)กลยุทธ์ระดับหน้าที่การตลาด คือ กลยุทธ์การแบ่งส่วนตลาด กลุ่มเป้าหมาย และตำแหน่งผลิตภัณฑ์(STP) กลยุทธ์ส่วนประสมทางการตลาดสาหรับธุรกิจบริการ(7P’s) และกลยุทธ์การบริหารลูกค้าสัมพันธ์(CRM) การเพิ่มระบบ Call Center Service เพื่อเป็นการบริการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของ Thai Cargo เพื่อสร้างความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ
- Publicationความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนทางการเงินกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (MAI) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร(University of the Thai Chamber of Commerce, 2019)การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนทางการเงินกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ กรณีศึกษา บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของอัตราส่วนทางการเงินกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์และเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของอัตราส่วนทางการเงินดังกล่าวกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ระหว่างบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร โดยเก็บข้อมูลทุติยภูมิจากงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร จำนวน 8 บริษัท กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร จำนวน 28 บริษัท และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร จำนวน 2 บริษัท รวม 38 บริษัท ในช่วงไตรมาศที่ 1 พ.ศ.2557 ถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2562 รวมทั้งสิ้น 912 ตัวอย่าง ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) วิเคราะห์สัมประสิทธิส์ หสัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson’s Correlation Coefficient) และวิเคราะห์สมการถดถอยแบบพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนทางการเงินดังกล่าวกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ จากการศึกษาพบว่า มีอัตราส่วนทางการเงินจำนวน 8 อัตราส่วน ได้แก่ อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้ อัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวร อัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น อัตราความสามารถในการชำระดอกเบี้ย อัตรากำไรขั้น อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้นมีผลต่ออัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญจากนั้นเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนทางการเงินดังกล่าวกับราคาหลักทรัพย์ ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) โดยการใส่ตัวแปรหุ่น (Dummy Variable) ทำการวิเคราะห์โดยใช้สมการถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ผลการศึกษา พบว่า ที่อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้การค้า อัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวร อัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ อัตราความสามารถในการช าระดอกเบี้ย อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ ในขณะที่ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น อัตรากำไรขั้นต้น อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ มีความสัมพันธ์เชิงลบกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ ผลการเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการศึกษากับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) โดยการแทนค่าตัวแปรหุ่น (Dummy Variable) พบว่าความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ตลาดหลักทรัพย์ไม่มีความแตกต่างกัน
- Publicationปัญหาในการใช้โปรแกรมสําเร็จรูปทางการบัญชี Express for Dos version 5.0 ในการจัดทําบัญชี กรณีศึกษา : สํานักงานบัญชี ในเขตกรุงเทพมหานคร / แสงจันทร์ บุญเพิ่ม.(University of the Thai Chamber of Commerce, 2004)
Discover
Author
UTCC, CEBF 195
Organization
Entity type
Publication 4247