คลังข้อมูลนักวิจัยและผลงานวิชาการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC Scholar)
UTCC Scholar เป็นคลังข้อมูลผลงานวิชาการของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (Institutional Repository) โดยสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศและมาตรฐานสากลในการบริหารจัดการข้อมูล Metadata และ Content ผลงานวิชาการงานวิจัย โดยข้อมูลที่จัดเก็บ ครอบคลุม บทความวิชาการ โครงการวิจัย รายงานการวิจัย ผลงานวิจัยที่นำเสนอในการประชุมวิชาการ และวิทยานิพนธ์ อีกทั้งข้อมูลนักวิจัยทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยเพื่อส่งเสริมคุณภาพและความแข็งแกร่งด้านวิชาการของมหาวิทยาลัยให้เผยแพร่สู่การใช้ประโยชน์ในระดับโลก
Research outputs
4318
Projects
25
People
3946
explore.counters-section.orgunits
30
Schools, Research centers
Recent Additions
- Publicationพุทธพัฒนาอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจพอเพียง และเศรษฐศาสตร์เพื่อความยั่งยืน(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2023)
- PublicationThe effect of store image and brand perception on customer satisfaction : the case of the hypermarket in Thailand /(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2014)
- PublicationThe Economics of parenting style and child development : evidence from rural Thailand(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2023)This dissertation investigates the determinants of parenting style and the bidirectional relationship between parenting style and child outcomes in the context of rural Thailand in two parts. The first part examines the socioeconomic determinants of parenting style in the context of a developing country using early childhood panel data from rural Thailand. Our key findings are that more patient caregivers tend to be more authoritative than authoritarian, caregivers are more likely to be authoritative than authoritarian when they observe better behavior from their children, and caregivers exhibit more authoritarian than authoritative parenting if they perceive the community to be more dangerous. We also find that families with fewer resources, proxied by wealth, marital status, and parental absence, are more likely to be authoritarian. The second part focuses on the role of parenting style in child development. Our findings reveal that more authoritative relative to authoritarian parenting is positively associated with self-regulation and behavioral skills in children. These findings persisted when the relationship was estimated by considering community risk as an IV for parenting style. Relating cognitive skills, authoritative relative to authoritarian parenting is found to be positively associated with working memory. We also find that wealth and the caregiver's education were positively associated with the child's working memory. Moreover, while wealth promoted the positive impact of authoritative versus authoritarian parenting on child behavioral skills and working memory, the caregiver's education was insignificant for the former and achieved the opposite for the latter skill
Most viewed
- Publicationการศึกษาปัญหา และการจัดการเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มผลประกอบการของธุรกิจผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กรณีศึกษา บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จากัด (มหาชน)(University of the Thai Chamber of Commerce, 2011)การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เรื่อง ปัญหา และการจัดการเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มผลประกอบการของธุรกิจผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กรณีศึกษา บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) วัตถุประสงค์ คือ เพื่อยืนยันปัญหา/สาเหตุของปัญหาและปัจจัยสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ที่ส่งผลกระทบต่อระดับองค์กร ระดับหน่วยธุรกิจและระดับหน้าที่ด้านการตลาดของผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์มาม่า และเพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการแก้ปัญหา ทั้งในระดับองค์กร ระดับหน่วยธุรกิจ และระดับหน้าที่ด้านการตลาดของผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์มาม่า รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติตามกลยุทธ์ และควบคุมประเมินผล โดยได้ออกแบบการวิจัยเป็นแบบเชิงคุณภาพ มีการศึกษาข้อมูลปฐมภูมิ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และการทาแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 112 คน และมีการศึกษาข้อมูลทุติยภูมิ จากข้อมูลในแหล่งต่างๆ และนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์ เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในแต่ละระดับ โดยมีการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น SWOT , Five Forces,STP,4PและTOWS_Matrix จากการศึกษาพบว่า ในปี 2553 มาม่ามีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ลดลง 2 % คือจากเดิม 56% เปลี่ยนแปลงเป็น 54% ทำให้ต้องสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับคู่แข่ง ดังนั้น จากปัญหาดังกล่าว เพื่อเพิ่มผลประกอบการของธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทย บริษัทฯควรเลือกใช้กลยุทธ์ ดังนี้ 1.กลยุทธ์ระดับองค์กร เน้นกลยุทธ์การเติบโต (Growth Strategy) เพื่อเป็นการสร้างรายได้ และตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งขององค์กรให้สามารถเติบโตได้ในระยะยาว 2.กลยุทธ์ระดับหน่วยธุรกิจ เน้นกลยุทธ์สร้างความแตกต่างเฉพาะกลุ่ม โดยการสร้าง Product Differentiation ออกมา เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นและตอบโจทย์ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป และ 3.กลยุทธ์ระดับหน้าที่งาน ควรเน้นกลยุทธ์ส่วนประสมทางการตลาด(Marketing Mix Strategy) และ กลยุทธ์การบริหารลูกค้าสัมพันธ์(CRM) ในการสร้างความจงรักภักดี โดยการรักษาฐานลูกค้าเก่าซึ่งมีความสำคัญมากพร้อมกับหาฐานลูกค้ารายใหม่ เนื่องจากถ้าเน้นแต่หาลูกค้าใหม่อย่างเดียวจะทำให้องค์กรมีต้นทุนในการดำเนินงานมากขึ้น ดังนั้น จึงควรนำ CRM เข้ามาใช้ร่วมกับ 4Ps เพื่อสำหรับใช้ในการพัฒนาและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้กับองค์กรในระยะยาว ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด
- Publicationการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง กรณีศึกษา: บริษัท ภูมิไทย คอมซีส จำกัด(University of the Thai Chamber of Commerce, 2012)ในการศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ของบริษัท ภูมิไทย คอมซีส จำกัดผู้ศึกษาได้ทำการศึกษา สำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูล ที่เกี่ยวข้องพบว่าสาเหตุที่ทำให้การให้ดำเนินงานของบริษัทฯ ขาดประสิทธิภาพคือ มีสินค้าคงคลังปริมาณสูง คลังสินค้ามีวิธีการจัดเก็บและจัดวางไม่เหมาะสม และกระบวนการเบิกจ่ายอะไหล่ให้ช่างใช้เวลานานและมีข้อผิดพลาดสูง ดังนั้นวัตถุประสงค์ของงานวิจัย คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้าของบริษัท ภูมิไทย คอมซีส จำกัด ขั้นตอนเริ่มจากการปรับปรุงวิธีการดำเนินงานการรับสินค้า การเบิกจ่าย การปรับปรุง จำนวนรายการอะไหล่ จัดความสำคัญอะไหล่ด้วยวิธี ABC การตั้งรหัสสินค้า และการตั้งรหัสการจัดเก็บในคลังสินค้า การออกแบบแผนผังการจัดเก็บ ระบุตำแหน่งการจัดเก็บ จากนั้นทำการตรวจนับสินค้าทั้งหมด จากการศึกษาพบว่าผลการปรับปรุงนั้นทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการคลังสินค้าคือ สินค้ามีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น เวลาเฉลี่ยในการเบิกจ่ายอะไหล่ให้ช่างลดลงจาก 24 นาทีเป็น 11 นาทีต่อครัง้ รวมเฉลี่ยต่อวันคิดเป็น 33 นาที และอัตราส่วนความผิดพลาดในการตรวจนับสินค้าลดลงจาก 46.14% เป็น 21.25%
- Publicationกลยุทธ์ธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดเพื่อเสริมความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Cargo): กรณีศึกษา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สาขา การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(University of the Thai Chamber of Commerce, 2010)การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เรื่อง การศึกษาปัญหา และการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเสริมความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Cargo)กรณีศึกษา บริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน)วัตถุประสงค์ คือ 1).เพื่อยืนยันปัญหาจากปัจจัยในการแข่งขันภายใอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าทางอากาศของ Thai Cargo 2).เพื่อศึกษากลยุทธ์การบริหารการจัดการด้านศูนย์กระจายสินค้า (Hub) ด้านการขนส่งที่ทันเวลาและความปลอดภัยในการส่งสินค้าของ Thai cargo 3).กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าของ Thai cargo โดยมีระเบียบวิธีการศึกษาวิจัยค้นว้า คือ การวิจัยการวิจัยเชิงคุณภาพได้ออกแบบการวิจัยโดยแบบทุติยภูมิ คือ ศึกษาข้อมูลจาก รายงานประจำปีของบริษัทการบินไทย ข้อมูลพื้นฐานสภาพเศรษฐกิจการตลาดด้านขนส่งทางอากาศ ศึกษาจากเว็บไซต์ต่างๆ หนังสือและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจากการศึกษาจึงศึกษาข้อมูลแบบปฐมภูมิได้สัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้บริหารฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และหัวหน้าฝ่ายพัฒนาตลาดของ Thai Cargo และการสัมภาษณ์กับกลุ่มลุกค้าตัวอย่างที่ใช้บริการขนส่งสินค้าของ Thai Cargo ผลการศึกษาว่ากลยุทธ์ที่เหมาะสมนำไปใช้ กลยุทธ์ระดับองค์ (Corporate Strategy) คือกลยุทธ์แบบเติบโต (Growth Strategy) กลยุทธ์ระดับ ธุรกิจ (Business Strategy) คือ กลยุทธ์ทางด้านการสร้างความแตกต่าง (Differentiation Strategy) กลยุทธ์มุ่งเน้นเฉพาะกลุ่ม (Focus Strategy) ส่วนกลยุทธ์ระดับหน้าที่ (Functional Strategy) การพัฒนาบุคคลากร (Human Resources Development) การพัฒนาการให้บริการในพื้นที่กระจายสินค้า Hub เพื่อความพึงพอใจในการเข้ามาส่งสินค้ากับ Thai Cargo ให้เกิดความพึงพอใจสุงสุด จาก Five Force Model, วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในแบบผังกางปลา การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก (SWOT Analysis), วิเคราะห์กลยุทธ์โดยใช้ TOWS Matrix Model จากนั้นนาผลที่ได้มาการจัดการเชิงกลยุทธ์ ระดับองค์กร ระดับธุรกิจ และระดับปฏิบัติการซึ่งกำหนดทางเลือกได้ 3 ทางเลือก คือ 1.Growth Strategy การรวมกันโดยการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเจาะตลาด 2)กลยุทธ์ระดับธุรกิจ คือ กลยุทธ์การมุ่งเน้นและความแตกต่าง(Focus Differentiation Strategy)และกลยุทธ์สร้างควาแตกต่าง(Differentiation Strategy) 3)กลยุทธ์ระดับหน้าที่การตลาด คือ กลยุทธ์การแบ่งส่วนตลาด กลุ่มเป้าหมาย และตำแหน่งผลิตภัณฑ์(STP) กลยุทธ์ส่วนประสมทางการตลาดสาหรับธุรกิจบริการ(7P’s) และกลยุทธ์การบริหารลูกค้าสัมพันธ์(CRM) การเพิ่มระบบ Call Center Service เพื่อเป็นการบริการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของ Thai Cargo เพื่อสร้างความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศ
- Publicationพฤติกรรมการใช้บริการเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญของผู้บริโภค ในเขตห้วยขวาง / ปาริชาต อรุณวราภรณ์(University of the Thai Chamber of Commerce, 2003)
- Publicationความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนทางการเงินกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (MAI) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร(University of the Thai Chamber of Commerce, 2019)การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนทางการเงินกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ กรณีศึกษา บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของอัตราส่วนทางการเงินกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์และเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของอัตราส่วนทางการเงินดังกล่าวกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ระหว่างบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร โดยเก็บข้อมูลทุติยภูมิจากงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร จำนวน 8 บริษัท กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร จำนวน 28 บริษัท และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร จำนวน 2 บริษัท รวม 38 บริษัท ในช่วงไตรมาศที่ 1 พ.ศ.2557 ถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2562 รวมทั้งสิ้น 912 ตัวอย่าง ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) วิเคราะห์สัมประสิทธิส์ หสัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson’s Correlation Coefficient) และวิเคราะห์สมการถดถอยแบบพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนทางการเงินดังกล่าวกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ จากการศึกษาพบว่า มีอัตราส่วนทางการเงินจำนวน 8 อัตราส่วน ได้แก่ อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้ อัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวร อัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น อัตราความสามารถในการชำระดอกเบี้ย อัตรากำไรขั้น อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้นมีผลต่ออัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญจากนั้นเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนทางการเงินดังกล่าวกับราคาหลักทรัพย์ ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) โดยการใส่ตัวแปรหุ่น (Dummy Variable) ทำการวิเคราะห์โดยใช้สมการถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ผลการศึกษา พบว่า ที่อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้การค้า อัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวร อัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ อัตราความสามารถในการช าระดอกเบี้ย อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ ในขณะที่ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น อัตรากำไรขั้นต้น อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ มีความสัมพันธ์เชิงลบกับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ ผลการเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการศึกษากับอัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหลักทรัพย์ ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) โดยการแทนค่าตัวแปรหุ่น (Dummy Variable) พบว่าความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ตลาดหลักทรัพย์ไม่มีความแตกต่างกัน