Browsing by Subject "พฤติกรรมผู้บริโภค -- การตัดสินใจ."
Now showing 1 - 15 of 15
Results Per Page
Sort Options
- Publicationการตัดสินใจเลือกใช้บริการบัตรเดบิต สมาร์ทไลฟ์ ธนาคารออมสินภาค 1 กรุงเทพมหานคร.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2564.)
;ธานนท์ นาคเนียม. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาการตัดสินใจเลือกใช้บริการบัตรเดบิต สมาร์ทไลฟ์ จากธนาคารออมสินภาค 1 กรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์บัตรเดบิต สมาร์ทไลฟ์ ธนาคารออมสิน และเพื่อกำหนดปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการที่ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์บัตรเดบิต สมาร์ทไลฟ์ มีการใช้บริการตามเป้าหมายของธนาคาร โดยกลุ่มตัวอย่างได้แก่ กลุ่มลูกค้าที่ของธนาคารออมสิน ภายในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล อันได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นต่อปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดบริการในภาพรวม อยู่ในระดับมากและนำแต่ละด้านมาพิจารณาถึงปัญหาที่ควรนำมาปรับปรุง ได้แก่ ด้านสภาพแวดล้อมบริการ โดยควรเพิ่มความสะดวกของพื้นที่ในการจอดรถโดยเฉพาะของลูกค้าที่มาใช้บริการ ในด้านผลิตภัณฑ์บริการ ควรมีรูปแบบภาพสีสัน ลวดลายสวยงามบนบัตร เพื่อเพิ่มสิ่งดึงดูดให้ลูกค้าลูกค้า มีความสนใจมากยิ่งขึ้น ในด้านราคา ค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับบัตรค่อนข้างมีราคาที่สูงกว่าคู่แข่ง จึงทำให้ลูกค้ายังไม่ตัดสินใจสมัครบริการกับทางธนาคาร ในด้านกระบวนการให้บริการ การจัดเอกสารแนะนำ วิธีการใช้บริการและสถานที่ใช้บริการยังมีความซับซ้อนและไม่สะดวกพอสำหรับความต้องการของลูกค้า ในด้านบุคลากรผู้ให้บริการ พนักงานต้องมีการฝึกอบรมเรื่องการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ ในด้านช่องทางการจัดจำหน่าย การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายบางครั้งจะทำให้เกิดความไม่สะดวกใจได้ ส่วนในด้านช่องทางส่งเสริมการตลาดนั้น ควรเพิ่มความเข้าใจให้ลูกค้าในการเข้าถึงข้อมูลของผลิตภัณฑ์โดยมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลผลิตภัณฑ์มากขึ้น20 37 - Publicationการศึกษากลยุทธ์ด้านราคาที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสื่อโฆษณาดิจิทัลของผู้ซื้อสื่อโฆษณาในศูนย์การค้า ก. ในจังหวัดขอนแก่น.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2564.)
;รุ่งนภา ทิพย์รัตนมงคล. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษากลยุทธ์ด้านราคาที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสื่อโฆษณาดิจิทัลของผู้ซื้อสื่อโฆษณาในศูนย์การค้า ก. ในจังหวัดขอนแก่น กลุ่มตัวอย่างที่ให้ข้อมูลในรูปแบบการสัมภาษณ์ คือ กลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อสื่อโฆษณา จำนวน 5 ราย และลูกค้าที่คาดว่ามีแนวโน้ม ที่สนใจที่จะซื้อสื่อโฆษณาดิจิทัลภายในศูนย์การค้า ก. ในจังหวัดขอนแก่น จำนวน 200 กลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test Independent, One-Way ANOVA, Multiple Regression Analysis รวมถึงการวิเคราะห์เชิงเนื้อหาตามผลการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ พบว่า มีกลยุทธ์ด้านราคา 4 กลยุทธ์หลักที่มีการใช้ ในการกำหนดราคาสื่อโฆษณาป้ายดิจิทัล ประกอบด้วย 1) กลยุทธ์ราคาแบบรวมกัน (Bundle Pricing) เป็นการตั้งราคาด้วยการนำเอาสินค้าแบบเดียวกันหรือต่างชนิดกันมากกว่า 1 มารวมขายเป็นแพคเกจ 2) กลยุทธ์ราคาให้ส่วนลด (Discount Pricing) เป็นการตั้งราคาโดยให้ความสำคัญกับ ต้นทุนและงบประมาณที่ใช้ในการซื้อสื่อ 3) กลยุทธ์ราคาล่อใจ (Loss Leader Pricing) เป็นการตั้งราคาเพื่อจูงให้ให้ผู้ซื้อสื่อสนใจ และตัดสินใจซื้อสื่อป้ายโฆษณา LED เช่น ทำสัญญา 12 เดือน รับส่วนลด 50% 4) กลยุทธ์ราคาตามการแข่งขัน (Competition-Based Pricing) ผลการวิเคราะห์เชิงปริมาณ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 41 – 50 ปี มีการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี โดยประเภทธุรกิจการดำเนินธุรกิจเป็นแบบบริษัท จำกัด มีระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ มากกว่าหรือเท่ากับ 8 ปี ขึ้นไป ประเภทสินค้าหลักของการดำเนินธุรกิจคือ ประเภทยานยนต์ และรายได้ของธุรกิจต่อเดือนเฉลี่ย น้อยกว่า 500,000 บาท ซึ่งผู้บริโภคมีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์ด้านราคาของสื่อโฆษณาดิจิทัลของผู้ซื้อสื่อลงโฆษณาในศูนย์การค้า ก. ในจังหวัดขอนแก่น ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีระดับความสำคัญมากที่สุด ได้แก่ กลยุทธ์การตั้งราคาล่อใจ รองลงมากลยุทธ์การตั้งราคาโดยให้ส่วนลด กลยุทธ์การตั้งราคาตามการแข่งขัน และการตั้งราคาโดยให้ส่วนลด ตามลำดับ กลยุทธ์ด้านราคาที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสื่อโฆษณาดิจิทัลของผู้ซื้อสื่อโฆษณาในศูนย์การค้า ก. ในจังหวัดขอนแก่น พบว่า กลยุทธ์ด้านราคาที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสื่อโฆษณาดิจิทัลของผู้ซื้อสื่อโฆษณาในศูนย์การค้า ก. ในจังหวัดขอนแก่น ได้แก่ กลยุทธ์การตั้งราคาล่อใจ และกลยุทธ์การตั้งราคาโดยให้ส่วนลด อย่างมีนัยสำคัญ ข้อเสนอแนะสำหรับผู้ประกอบการ ควรเน้นไปยังกลยุทธ์การตั้งราคาล่อใจ (Loss Leader Pricing) โดยพิจารณาการขายสื่อโฆษณาดิจิทัล ณ ระดับราคาตามตลาด และกลยุทธ์การตั้งราคาโดยให้ส่วนลด (Discount Pricing) ซึ่งตามผลการศึกษา ลูกค้ามีความสนใจซื้อสื่อในเงื่อนไขกลยุทธ์การตั้งราคา สื่อโฆษณา A กำหนดราคาอยู่ที่ 17,000 บาทต่อเดือน รวมกับสื่อโฆษณา B กำหนดราคาอยู่ที่ 27,000 บาทต่อเดือน พร้อมส่วนลด 10% ในขณะเดียวกันลูกค้านิยมรูปแบบของสัญญารายเดือน สัญญา 3 เดือน หรือน้อยกว่า โดยมีงบประมาณในการซื้อสื่ออยู่ที่ประมาณไม่เกิน 20,000 บาทต่อ เดือน19 14 - Publicationการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมของกลุ่มผู้ซื้อเพื่อพักอาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2564.)
;ธรรมปภัสสร์ เกษมทะเล. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมของกลุ่มผู้ซื้อ เพื่อพักอาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาถึงพฤติกรรมการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมของกลุ่มผู้ซื้อเพื่อพักอาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาถึงปัจจัยในการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมของกลุ่มผู้ซื้อเพื่อพักอาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้มีความสนใจซื้อคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน และกลุ่มผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในเขต กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ โดยสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการศึกษาพบว่า พฤติกรรมในการตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครสรุปได้ว่าส่วนใหญ่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลักในชีวิตประจำวัน โดยสนใจคอนโดมีเนียมรูปแบบ 1 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ระหว่าง 31 - 35 ตารางเมตร และมีงบประมาณในการซื้อคอนโดมีเนียม 1,000,001 - 2,000,000 บาท เน้นการตัดสินใจจากตนเองเป็นหลัก โดยมีการหาข้อมูลต่างๆ ผ่านทางช่องทางอินเตอร์เน็ต/เว็บไซต์ เนื่องจาก ต้องการความสะดวกในการเปรียบเทียบข้อมูลของโครงการต่างๆ โดยช่องทางออนไลน์ที่เลือกใช้ คือ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ผู้ตอบแบบสอบถามมีความเห็นต่อปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดบริการ ในภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับความสำคัญ ได้แก่ 1) ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย 2) ด้านการบริการ 3) ด้านราคา 4) ด้านผลิตภัณฑ์ 5) ด้านองค์ประกอบทางกายภาพ 6) ด้านบุคลากร และ 7) ด้านการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลจากการสัมภาษณ์ โดยพบว่า ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านช่องทางการจัดจำหน่าย (ทำเลและที่ตั้ง) เป็นอันดับแรก และปัจจัยรองลงมา คือ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกันทั้ง 3 ท่าน โดยมีผู้ให้สัมภาษณ์บางท่านให้ความสำคัญ ในปัจจัยด้านองค์ประกอบทางกายภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบของตัวอาคาร21 20 - Publicationการศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดของผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ต่อปัจจัยด้านความตั้งใจขอสินเชื่อ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ออมสินช่วยเหลือ SMEs ในภาคการท่องเที่ยว กรณีศึกษาธนาคารออมสิน สํานักสินเชื่อธุรกิจลูกค้า SMEs 9 จังหวัดเชียงราย.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2564.)
;มณีนุช มณีวรรณ. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดของสินเชื่อ ดอกเบี้ยต่ำ ออมสินช่วยเหลือ SMEs ในภาคการท่องเที่ยว (2) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านความต้องการขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ออมสินช่วยเหลือ SMEs ในภาคการท่องเที่ยว และ (3) เพื่อประเมินน้ำหนักความสัมพันธ์ของ ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดต่อปัจจัยด้านความต้องการขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ออมสินช่วยเหลือ SMEs ในภาคการท่องเที่ยว เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยเก็บแบบสอบถามกับลูกค้าและบุคคลที่สนใจขอสินเชื่อของสำนักสินเชื่อธุรกิจลูกค้า SMEs 9 ในจังหวัดเชียงราย จำนวน 385 ราย มีสถิติ คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistic) โดยใช้การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้น แบบพหุ (Multiple Linear Regression) ผลการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่ศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 50.40 อายุ 21 – 30 ปี ร้อยละ 44.80 มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี ร้อยละ 85.70 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001 – 40,000 บาท ร้อยละ 35.50 โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความต้องการต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการ ภาพรวมในระดับมากที่สุด โดยมีความต้องการด้านบุคลากร เป็นลำดับที่ 1 รองลงมาคือ ลักษณะทางกายภาพ กระบวนการบริการ การส่งเสริมการตลาด ช่องทางการจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ และ ราคา มีความต้องการในระดับมากถึงมากที่สุด และมีความตั้งใจขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำออมสินช่วยเหลือ SMEs ในภาคการท่องเที่ยว ในภาพรวมในระดับมากที่สุด ส่วนผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัย ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านส่งเสริมการตลาด ด้านสถานที่ ด้านบุคลากร ด้านกระบวนการบริการ และด้านลักษณะทางกายภาพส่งผลต่อความตั้งใจขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำออมสินช่วยเหลือ SMEs ในภาคการท่องเที่ยว ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 คำสำคัญ8 9 - Publicationการศึกษาแรงจูงใจ ทัศนคติด้านภาพลักษณ์องค์กรและส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อกรมธรรม์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ธ.ก.ส ทวีรัก99 กรณีศึกษาสํานักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดร้อยเอ็ด.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2564.)
;กฤชมน เล็บขาว. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาแรงจูงใจ ทัศนคติด้านภาพลักษณ์องค์กรและส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อกรมธรรม์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ธ.ก.ส. ทวีรัก99 กรณีศึกษาสํานักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดร้อยเอ็ด มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาถึงแรงจูงใจของลูกค้าที่มีผลต่อการใช้บริการผลิตภัณฑ์เงิน ฝากสงเคราะห์ชีวิต ธ.ก.ส. ทวีรัก99 2) เพื่อศึกษาทัศนติด้านภาพลักษณ์ขององค์กรของลูกค้าที่มีต่อผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ธ.ก.ส. ทวีรัก99 3) ทัศนคติด้านส่วนประสมทางการตลาดของลูกค้าต่อการใช้ผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ธ.ก.ส. ทวีรัก99 เพื่อนําไปวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด พัฒนาช่องทางในการส่งเสริมการขายให้กับสํานักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดร้อยเอ็ด ให้มีการซื้อผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ธ.ก.ส. ทวีรัก99 เพิ่มมากขึ้น โดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างลูกค้าผู้ถือผลิตภัณฑ์ จํานวน 400 คน จาก 5 สาขา ในสํานักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดร้อยเอ็ด ผลการศึกษาพบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 41-50 ปี ส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรส การศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ประกอบอาชีพเกษตรกร ในครอบครัวมีจํานวนสมาชิกเพียง 2-3 คน มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 15,000 บาท พฤติกรรมการซื้อเงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ธ.ก.ส.ทวีรัก99 ส่วนมากซื้อวงเงินคุ้มครอง 100,000 บาท โดยจะซื้อเพื่อเป็นเงินทุนหลังการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ ซึ่งส่วนใหญ่ทราบข้อมูลผลิตภัณฑ์จากแหล่งข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ได้แก่ ครอบครัว เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ส่วนมากจะซื้อผ่านนายหน้าประกัน/เคาเตอร์ธนาคาร 1) แรงจูงใจมีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ธ.ก.ส. ทวีรัก99 ณ ระดับความเชื่อมั่นที่ 95% 2) ทัศนคติของลูกค้าที่มีต่อภาพลักษณ์องค์กร ในด้านความน่าเชื่อถือ ด้านความสัมพันธ์ และด้านการบริหาร มีผลต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ณ ระดับความเชื่อมั่นที่ 95% 3) ทัศนคติด้านส่วนประสมทางการตลาดในด้านผลิตภัณฑ์ ด้านหลักฐานกายภาพบริการ ด้านราคา และด้านกระบวนการ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ธ.ก.ส.ทวีรัก99 ณ ระดับความเชื่อมั่น 95% นั้นหลากหลายด้านซึ่งลําดับตามที่ลูกค้าให้ความสําคัญต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ธ.ก.ส. ทวีรัก99 ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านหลักฐานกายภาพบริการ ด้านราคาและด้านกระบวนการตามลําดับ20 16 - Publicationการศึกษาแรงจูงใจและการยอมรับเทคโนโลยีของคนไข้ที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้โทรเวชกรรมของโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2564.)
;ภูวนาท เช้าวรรณโณ. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาแรงจูงใจและการยอมรับเทคโนโลยีของคนไข้ที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้โทรเวชกรรมของโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง การศึกษาหัวข้อนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อศึกษาแรงจูงใจของคนไข้ที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้โทรเวชกรรมของโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสัน หลัง (2) เพื่อศึกษาปัจจัยการยอมรับเทคโนโลยีที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้โทรเวชกรรมของโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง (3) เพื่อศึกษาทัศนคติของคนไข้เกี่ยวกับส่วนประสมทางการตลาด ที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้โทรเวชกรรมของโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง (4) เพื่อเสนอแนะแนวทางการตลาดให้กับโรงพยาบาลเฉพาะทางนำไปสู่การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยใช้การศึกษาวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method) ทำการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์ผู้บริหาร โรงพยาบาลและผู้บริหารระดับหัวหน้า คนไข้ที่เคยใช้โทรเวชกรรม จำนวนและคนไข้ที่ไม่เคยใช้โทรเวชกรรม และวิจัยเชิงปริมาณ โดยทำแบบสอบถามกลุ่มตัวอย่างคนไข้ที่เคยใช้โทรเวชกรรม ผลการศึกษา พบว่า ทัศนคติที่คนไข้ตัดสินใจในการบริการโทรเวชกรรมของโรงพยาบาล ได้แก่ แรงจูงใจด้านเหตุผล การยอมรับเทคโนโลยีด้านประโยชน์และการใช้งานง่าย ด้านส่วนประสมการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ ช่องทางบริการ กระบวนการบริการ หลักฐานกายภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 และผลจากการสัมภาษณ์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่ทราบว่ามีบริการการใช้โทรเวชกรรม ในการดูแลและให้คำปรึกษาได้ และเครื่องมีประโยชน์คือ ไม่ต้องรอแพทย์ สะดวก ประหยัดเวลา ใช้งานง่าย ตรงตามความต้องการ ใช้ได้ทุกที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์ มีการแสดงผลที่ชัดเจนทันสมัย ดังนั้นแนวทาง นำเสนอด้านการตลาด คือ ด้านผลิตภัณฑ์บริการโทรเวชกรรม สามารถติดตามผลรักษาได้แสดงผลตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและให้บริการได้หลายรูปแบบ ด้านช่องทางการให้บริการ สามารถใช้บริการได้ทุกระบบได้ทุกที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์ ด้านกระบวนการให้บริการสามารถรับคำปรึกษาในทุก ขั้นตอนผ่านโทรเวชกรรมมีความรวดเร็ว และด้านหลักฐานกายภาพมีหน้าจอแสดงผลที่ชัดเจน ทันสมัย38 98 - Publicationการศึกษาแรงจูงใจและส่วนประสมทางการตลาดกับการตัดสินใจซื้อประกันภัยทิพยโควิด-19 ของลูกค้าธนาคารออมสิน สาขาศรีย่าน.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2563.)
;ศิริรัตน์ ขวัญแก้ว. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาแรงจูงใจและส่วนประสมทางการตลาดกับการตัดสินใจซื้อประกันภัยทิพยโควิด-19 ของลูกค้าธนาคารออมสิน สาขาศรีย่าน มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาส่วนประสมทางการตลาดที่ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อประกันภัยทิพยโควิด-19 ของลูกค้าธนาคารออมสิน สาขาศรีย่าน 2)เพื่อศึกษา แรงจูงใจที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อประกันภัยทิพยโควิด-19 ของลูกค้าธนาคารออมสิน สาขาศรีย่าน เพื่อเสนอแนวทางการเพิ่มยอดการขายประกันภัยทิพยโควิด-19 ของธนาคารออมสิน สาขาศรีย่าน กลุ่มตัวอย่างคือ กลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการธนาคารออมสิน สาขาศรีย่าน จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1. ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นของแรงจูงใจในการเลือกซื้อประกันภัยทิพยโควิด-19 ของธนาคารออมสิน สาขาศรีย่าน ภาพรวมของแรงจูงใจของปัจจัยภายใน อยู่ในระดับมากที่สุด และแรงจูงใจของปัจจัยภายนอกอยู่ในระดับมากและนำแต่ละส่วนมา พิจารณาถึงความต้องการในการสร้างแรงจูงใจให้กับลูกค้า ได้แก่ 1) ควรให้พนักงานเสนอขายและเข้าถึง ลูกค้าให้มากที่สุด เพราะลูกค้าส่วนใหญ่คิดว่าประกันภัยทิพยโควิด-19 มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบันมากที่สุด 2) ควรจัดการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ความสามารถและเข้าใจในผลิตภัณฑ์ ให้มากที่สุด เพื่อความมั่นใจในการสื่อสารและเสนอขายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าให้มากสุด เนื่องจากลูกค้า ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่ามีความเชื่อมั่นและไว้วางใจในธนาคารออมสินอยู่แล้วแต่ต้องเพิ่มการเข้าถึงทักษะ การเสนอขายผลิตภัณฑ์กับลูกค้าให้ได้มากที่สุด และข้อมูลแสดงความคิดเห็นให้ความสำคัญต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดในการเลือกซื้อประกันภัยทิพยโควิด-19 ของธนาคารออมสิน สาขาศรีย่าน อยู่ในระดับมากที่สุด และนำแต่ละด้านมาพิจารณาถึงส่วนประสมทางการตลาดที่ลูกค้าให้ความสำคัญ ได้แก่ 1) ด้านผลิตภัณฑ์ ควรให้ความสำคัญในด้านผลการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด 2) ด้านราคา ต้องแจ้งหรือการระบุในเรื่องของราคาค่าเบี้ยประกันภัยให้ชัดเจนเพื่อให้ลูกค้าสามารถมองเห็นและ ตัดสินใจในด้านของราคาได้ 3) กระบวนการ ต้องปรับปรุงและให้ความสำคัญในขั้นตอนและกระบวนการ ซื้อและการชำระเงินให้ลูกค้าได้รับความสะดวกและพึงพอใจในการใช้บริการ 4) ด้านส่งเสริมการตลาด ลูกค้าให้ความสำคัญในเรื่องของสื่อโฆษณา ธนาคารต้องจัดการเพิ่มช่องทางสื่อโฆษณาให้มากขึ้น เพื่อการเข้าถึงและทราบข้อมูลของผลิตภัณฑ์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น 5) ด้านพนักงาน ลูกค้าให้ความสำคัญในเรื่องของความเสมอภาคในการให้บริการ พนักงานต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมากเพราะเป็นเรื่องของความรู้สึกของลูกค้าอย่างมาก ไม่เลือกปฏิบัติกับลูกค้า ให้ความเท่าเทียมกับลูกค้าทุกท่าน 6) ด้านการสร้างและการนำเสนอภาพลักษณ์ทางกายภาพ ให้ความสำคัญกับจำนวนปีที่ให้บริการที่ยาวนานและ ความคุ้นเคยระหว่างธนาคารและลูกค้า 7) ด้านสถานที่ ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญในเรื่องของสถานที่จอดรถที่เหมาะสมและเพียงพอต่อลูกค้าที่มาใช้บริการธนาคารออมสิน ควรจัดหาสถานที่จอดรถเพื่อรองรับลูกค้าที่มาใช้บริการธนาคารออมสิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มาใช้บริการ17 17 - Publicationแนวทางการแก้ปัญหาการยกเลิกบัตรและการค้างค่าธรรมเนียมบัตรเอทีเอ็ม กรณีศึกษา ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาลาดกระบัง.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2564.)
;ศุณิษา คณะสุวรรณ์. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาการยกเลิกบัตรและการค้างค่าธรรมเนียมบัตรเอทีเอ็ม กรณีศึกษา ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาลาดกระบัง มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการใช้บริการผลิตภัณฑ์บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 2) ศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกใช้บริการบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของ ธ.ก.ส. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ กลุ่มลูกค้าบุคคลธรรมดาที่มีบัญชีเงินฝากและบัญชีเงินกู้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาลาดกระบัง จำนวน 388 ราย กลุ่มผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้จัดการสาขา ผู้ช่วยผู้จัดการสาขา และหัวหน้าการเงินประจำสาขา จำนวน 3 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ แบบสอบถามและบทสัมภาษณ์ผู้บริหาร สถิตที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า 1. ด้านประชากรศาสตร์ ร้อยละ 54.90 ของผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นเพศหญิง อายุตัวเฉลี่ย 20 -30 ปี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน รายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 30,001 – 60,000 บาท เป็นกลุ่มลูกค้าประเภทเงินฝาก ร้อยละ 52.58 และมีการใช้บริการบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ของธนาคารถึง ร้อยละ 57.22 ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้ใช้บริการบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคาร ร้อยละ 42.78 สาเหตุส่วนใหญ่เนื่องมาจากมีการใช้บริการบัตรของธนาคารอื่นอยู่แล้ว 2. ด้านพฤติกรรมการใช้บริการบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ใช้บริการบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิตประเภทบัตรธรรมดามากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 53.75 ความถี่ในการใช้บริการอยู่ที่นาน ๆ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 48.45 ประเภทของธุรกรรมที่ใช้บริการ คือการถอนเงินสด และสอบถามยอดเงินคงเหลือ ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 77.10 มีการสมัครใช้บริการ A-Mobile ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะไม่ใช้บริการบัตรอิเล็กทรอนิกส์แล้วในอนาคต ถึงร้อยละ 61.95 เนื่องจากไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้บริการบัตรเล็กทรอนิกส์แล้ว 3. การศึกษาความพึงพอใจต่อส่วนประสมทางการตลาดการบริการภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.57 แต่เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่าปัญหาที่ควรนำมาพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจที่ลูกค้าได้รับจากการบริการเพิ่มมากขึ้น คือ ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายและด้านกระบวนการ โดยผู้ศึกษาได้สร้างแนวทางการแก้ไขไว้ 2 แนวทาง คือ 1) การนำเสนอแผนการขายที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มยอดใช้บริการผลิตภัณฑ์ของธนาคาร และเพิ่มจำนวนรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคาร 2) เจาะกลุ่มลูกค้าบริเวณใกล้เคียงสาขา เพื่อสร้างโอกาสใน การเพิ่มฐานลูกค้า และสร้างแรงจูงใจในการใช้บริการ ผลที่คาดว่าจะได้รับคือ ผู้ใช้บริการจะได้รับความพึงพอใจมากขึ้น และการเพิ่มขึ้นของปริมาณลูกค้าผู้ใช้บริการทั้งด้านการเงินและสินเชื่อ38 33 - Publicationแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อเพิ่มรายได้ของตลาดประชารัฐของดีวีถีชุมชน ธ.ก.ส. ภายใต้สถานการณ์โควิด กรณีศึกษา ธ.ก.ส. จังหวัดขอนแก่น.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2564.)
;ระพีพรรณ ปานเดช. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อเพิ่มรายได้ของตลาดประชารัฐของดีวีถีชุมชน ธ.ก.ส. ภายใต้สถานการณ์โควิด กรณีศึกษาธ.ก.ส. จังหวัดขอนแกํน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคและความพึงพอใจในการใช้บริการตลาดประชารัฐ ปัจจัยสํวนประสมทางการตลาดที่สํงผลต่อการตัดสินใจใช้บริการตลาดประชารัฐ และเพื่อเสนอแนวทางในการเพิ่มรายได้ของตลาดประชารัฐของดีวีถีชุมชน ธ.ก.ส. ภายใต้สถานการณ์โควิด กรณีศึกษา ธ.ก.ส.จังหวัดขอนแกํน เนื่องจากปัญหาที่พบจากการเก็บข้อมูล ปริมาณการซื้อสินค้าในตลาดประชารัฐของดีวิถีชุมชน ธ.ก.ส. ขอนแก่น จำนวน 3 ปี บัญชีย้อนหลังพบวํา จำนวนผู้ประกอบการที่เข้ามาขายสินค้าที่ตลาดประชารัฐลดลงและปริมาณรายได้หรือยอดขายลดลง กลุํมตัวอยํางคือกลุํมลูกค้าผู้บริโภค ในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ที่ใช้บริการตลาดประชารัฐของดีวิถีชุมชน ธ.ก.ส.ขอนแก่น ทุกวันพฤหัสบดี โดยเฉลี่ยจากจำนวนผู้ใช้บริการที่ลงชื่อในทะเบียนเข้าออก มาตรการป้องกันโควิด-19 กํอนเข้าบริเวณตลาดประชารัฐจำนวน 400 ราย คำนวณหาขนาดกลุํมตัวอยําง ตามสูตร Yamane ได้กลุํมตัวอยําง จำนวน 200 รายและกลุ่มผู้ให้ข้อมูล คือผู้ประกอบการที่ขายสินค้าในตลาดประชารัฐของดีวิถีชุมชน ธ.ก.ส. จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ ใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งประโยชน์ที่คาดวําจะได้รับคือสร้างแผนกลยุทธ์การตลาด เพิ่มยอดรายได้ให้กับร้านค้าที่มาขายสินค้าในตลาดประชารัฐของดีวิถีชุมชน ธ.ก.ส.ขอนแกํน ภายใต้ สถานการณ์โควิดได้ ผลการศึกษาด้านความพึงพอใจและส่วนประสมทางการตลาดของตลาดประชารัฐในผลรวม ระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (=4.43,S.D.=0.59) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบวํา ผู้ตอบแบบสอบถามสํวนมากมีความเห็นด้านบุคคลและการให้บริการมีพึงพอใจอยูํในระดับมากที่สุด (= 4.58,S.D.=0.52) ด้านองค์ประกอบทางกายภาพสภาพแวดล้อมภายนอก มีความพึงพอใจอยูํในระดับมาก (=4.49,S.D.=0.59) ด้านชํองทางบริการและสถานที่ในการซื้อ มีความพึงพอใจอยูํในระดับมาก (=4.44, S.D.=0.55) ด้านสํงเสริมการตลาด มีความพึงพอใจอยูํในระดับมาก (=4.32, S.D.=0.68) ด้านผลิตภัณฑ์ มีความพึงพอใจอยูํในระดับมาก (=4.31,S.D.=0.60) ด้านราคา มีความพึงพอใจอยูํในระดับมาก (= 4.29 S.D.=0.66) แต่เนื่องจากตลาดขาดการประชาสัมพันธ์ผํานสื่อออนไลน์ และสื่อออฟไลน์ จึงได้กำหนดแนวทางในการเพิ่มรายได้ของตลาดประชารัฐของดีวีถีชุมชน ธ.ก.ส.ขอนแก่น เน้นการประชาสัมพันธ์เจาะกลุํมลูกค้าบริเวณใกล้เคียงและวางแผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ชํองทางออนไลน์ เพิ่มวันเปิดตลาด ขยายเวลาขายสินค้า ผู้ขายและพนักงานผู้ดูแลตลาดประชารัฐต้องใสํใจเน้นการบริการและให้ความรํวมมือด้านมาตรการป้องกันสถานการณ์โควิด12 13 - Publicationแนวทางการเพิ่มจํานวนผู้ใช้บริการชําระค่าสาธารณูปโภคผ่านบัญชีเงินฝาก กรณีศึกษา ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จังหวัดนครศรีธรรมราช.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2564.)
;กัญญาวีร์ ตู้เซ่ง. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคเกี่ยวกับการชำระค่าสาธารณูปโภคผ่านบัญชีเงินฝาก 2) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการชำระค่าสาธารณูปโภค ผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 3) เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจใช้บริการชำระค่าสาธารณูปโภค ผ่านบัญชีเงินฝากของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มีจำนวนลดลง 4) เพื่อเสนอแนะแนวทางในการเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการ ชำระค่าสาธารณูปโภค ผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 384 ตัวอย่าง การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปและข้อมูลพฤติกรรมการชำระค่าสาธารณูปโภค ผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร นำไปวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistic) โดยนำข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถามมาแบ่งกลุ่ม จำแนกประเภทตามลักษณะต่าง ๆ นำมาแปลงเป็นค่าร้อยละ (Percentage) และนำเสนอข้อมูลในรูปแบบของตารางแจกแจงความถี่ (Frequency Table) วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับระดับความสำคัญต่อปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการพิจารณาเลือกใช้บริการสินเชื่อ ซึ่งลักษณะแบบสอบถามจะเป็นการประมาณค่า 5 ระดับ (Likert Scale) วิเคราะห์ทางสถิติเพื่อหาค่าเฉลี่ย (X̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก จำนวน 5 ตัวอย่าง โดยนำข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึก มาทำการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) โดยการกำหนดหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกข้อมูล การวางเค้าโครงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาและวัตถุประสงค์ของการ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 31-40 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานของรัฐ มีรายได้ของครัวเรือนเฉลี่ยต่อเดือน 10,000-20,000 บาท ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าสาธารณูปโภคเฉลี่ยต่อเดือน 5,000 บาทขึ้นไป ด้านพฤติกรรมการชำระค่าสาธารณูปโภค ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ชำระผ่าน Mobile Application ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ช่วงเวลาที่ชำระ คือ ช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ค่าสาธารณูปโภคส่วนใหญ่ที่ชำระผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร คือ ค่าไฟฟ้า และเหตุผลที่เลือกชำระผ่านบัญชี เนื่องจากสะดวก ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่วนผลการศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจชำระค่าสาธารณูปโภค ผ่านบัญชีเงินฝาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พบว่า ปัจจัยที่กลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญมากที่สุดคือ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ จากการสัมภาษณ์ พบว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ลูกค้าไม่ตัดสินใจใช้บริการกับ ธ.ก.ส. คือ ปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาด ปัจจัยด้านกระบวนการบริการ และปัจจัยด้านราคา และได้แนวทางการแก้ไขปัญหา โดยใช้กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ ทำได้โดยส่งเสริมการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด เน้นการแสวงหาโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ โดยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ สื่อสารข้อมูลข่าวสารโปรโมชั่นต่าง ๆ ผ่านการเลือกใช้สื่อหลากหลายรูปแบบ พร้อมทั้งมีกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดให้เหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย19 17 - Publicationแนวทางการเพิ่มปริมาณสินเชื่อสีเขียว (Green Credit) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในจังหวัดชลบุรี.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2564.)
;ศุภางค์ ชำปฏิ. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้บริการสินเชื่อและปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการให้สินเชื่อภาคการเกษตร เพื่อเสนอแนวทางเพิ่มปริมาณลูกค้า ที่มาใช้บริการขอสินเชื่อสีเขียว (Green Credit) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จังหวัดชลบุรี โดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 388 ตัวอย่าง การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไป และข้อมูลการใช้บริการสินเชื่อ นำไปวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา โดยนำข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถามมาแปลงเป็นค่าร้อยละ และนำเสนอข้อมูลในรูปแบบของตารางแจกแจงความถี่ วิเคราะห์ข้อมูลของระดับความสำคัญต่อปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการพิจารณาเลือกใช้บริการสินเชื่อ ซึ่งลักษณะแบบสอบถามจะเป็นการประมาณค่า 5 ระดับ (Likert Scale) วิเคราะห์ทางสถิติเพื่อหา ค่าเฉลี่ย (x̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก จำนวน 5 ตัวอย่าง ผล การศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชายร้อยละ 71.13 มีอายุระหว่าง 51-60 ปี ร้อยละ 36.08 สถานภาพสมรส ร้อยละ 71.13 จบการศึกษาระดับต่ำกว่ามัธยมศึกษา ร้อยละ 42.53 มีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพเกษตรกร 10 ปีขึ้นไป ร้อยละ 39.43 รายได้ต่อเดือน 10,001 - 20,000 บาท ร้อยละ 34.02 ด้านพฤติกรรมการใช้บริการสินเชื่อ ใช้บริการสินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ร้อยละ 100 วงเงินสินเชื่อรวมอยู่ที่ 200,000 – 500,000 บาท ร้อยละ 36.60 เป็นประเภทวงเงินกู้ระยะสั้น ร้อยละ 79.90 โดยวัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนกิจการภาค การเกษตร ร้อยละ 88.14 และหลักประกันที่ใช้ค้ำประกัน คืออสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 71.13 ส่วนผลการศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการสินเชื่อสีเขียว ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พบว่า ปัจจัยที่กลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญมากที่สุด คือ ปัจจัยด้านบุคลากร มีค่าเฉลี่ยที่ระดับ 4.44 จากการสัมภาษณ์พบว่า ปัญหาที่สำคัญจากปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด คือ ปัจจัยด้านกระบวนการบริการและปัจจัยด้านบุคลากร และได้เสนอแนวทางการเพิ่มปริมาณสินเชื่อสีเขียว โดยการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีทักษะความรู้ความสามารถในการปฏิบัติด้านสินเชื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน มีการให้คุณภาพการบริการที่ดี จะส่งผลให้ธนาคารมีความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น48 18 - Publicationปัจจัยที่มีผลต่อการสั่งซื้อและต่อสัญญาการใช้บริการเครื่องถ่ายเอกสาร Fujifilm.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2564.)
;อธิชา กวินสกุลรัตน์. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของลูกค้าที่ใช้บริการเครื่องถ่ายเอกสาร Fujifilm 2) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อและใช้บริการเครื่องถ่ายเอกสาร Fujifilm 3) เพื่อวางแผนการตลาดด้านการบริการให้กับธุรกิจบริษัท ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด มียอดขายเพิ่มสูงขึ้น จำแนกตามปัจจัยด้าน ประชากร ได้แก่ กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการกับทางบริษัท ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งกลุ่มลูกค้าองค์กรหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ไปจนถึงกลุ่มธุรกิจรายย่อย เช่น โรงพิมพ์ ในพื้นที่ กรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 400 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมเป็นการเก็บแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติ การทดสอบแบบ t-test แบบสถิติความแปรปรวนทางเดียว (One – Way ANOVA) ผลการศึกษาพบว่า ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อและต่อสัญญาการใช้บริการในตำแหน่ง ที่ต่างกันส่งผลต่อการตัดสินใจต่อสัญญาบริการไม่ต่างกัน ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อและต่อสัญญาบริการในภาพรวมและรายด้าน มีผลต่อการสินใจอยู่ในระดับมาก โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านพนักงานที่ให้บริการ รองลงมาคือด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านราคา ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการสร้างและนำเสนอสภาพแวดล้อมการบริการ และด้านกระบวนการบริการ43 43 - Publicationพฤติกรรมการบริโภคและบทบาทของการสื่อสารการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายและการท่องเที่ยวของกลุ่มผู้บริโภคสูงอายุ = Consumption behavior and the role of marketing communications that influences decision making of older consumers toward goods and services relate to exercise and travel.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2565.)
;จิรา กฤตยพงษ์. ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะนิเทศศาสตร์.การวิจัยเรื่อง “พฤติกรรมการบริโภคและบทบาทของการสื่อสารการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายและการท่องเที่ยวของกลุ่มผู้บริโภคสูงอายุ” เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการบริโภคสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายและการท่องเที่ยวของกลุ่มผู้บริโภคสูงอายุ รวมถึงบทบาทของการสื่อสารการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายและการท่องเที่ยวของกลุ่มผู้บริโภคสูงอายุ การวิจัยนี้ใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกในการเก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลหลักจำนวน 20 คนที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เป็นผู้ทึ่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครที่มีการออกกำลังกายเป็นกิจวัตร และมีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ผลการวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุตระหนักว่า การออกกำลังกายและการท่องเที่ยวเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ โดยส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ จึงได้มีการออกกำลังกายเป็นประจำและหาโอกาสในการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน โดยสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายนั้น ผู้สูงอายุมักจะตัดสินใจซื้อด้วยตนเองและซื้อตามความจำเป็นโดยไม่ได้หาข้อมูลล่วงหน้า ในขณะที่ถ้าเป็นสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ผู้สูงอายุมักไม่ได้ตัดสินใจเอง เนื่องจากการท่องเที่ยวในปัจจุบันเป็นการท่องเที่ยวกับครอบครัวเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ผู้สูงอายุยังคงมีบทบาทเป็นผู้มีอิทธิพลที่คอยให้คำแนะนำและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ โดยในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการเหล่านี้ ผู้สูงอายุได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางจิตวิทยา ปัจจัยเฉพาะบุคคล หรือปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรม ในส่วนของบทบาทของการสื่อสารการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคสูงอายุนั้นพบว่า การสื่อสารการตลาดมีบทบาทครบทั้ง 5 ประการ ได้แก่ การให้ข้อมูล การเชิญชวน การย้ำเตือน การชี้ให้เห็นความแตกต่าง และการสร้างภาพลักษณ์ให้แก่บริษัท อย่างไรก็ตาม บทบาทเหล่านี้มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคสูงอายุมากน้อยต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าและบริการ ตัวผู้บริโภคเองที่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อของแต่ละคน มีรูปแบบที่แตกต่างกัน รวมถึงเครื่องมือสื่อสารการตลาดแต่ละประเภทที่นักการตลาดเลือกใช้ก็มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคสูงอายุแตกต่างกันออกไป - Publicationภาพลักษณ์องค์กรและทัศนคติด้านส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกใช้เครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ของธนาคารออมสิน.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2564.)
;ประภัสสร พงษ์วิเชียร. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาภาพลักษณ์องค์กรและทัศนคติด้านส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกใช้ เครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ของธนาคารออมสิน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาพลักษณ์องค์กรและศึกษาทัศนคติด้านปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการที่มีผลต่อการใช้บริการ EDC ของธนาคารออมสิน โดยมีกลุ่มตัวอย่างคือ กลุ่มร้านค้าสมาชิกที่ใช้บริการ EDC ของธนาคารออมสิน จำนวน 105 ร้านค้า และกลุ่มร้านค้าที่ใช้บริการ EDC ของธนาคารอื่น จำนวน 8 ร้านค้า เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็น แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 105 คน เลือกใช้เครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ของธนาคารออมสิน ที่มีผลต่อด้านปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการด้าน ผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านช่องทางการจำหน่าย ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านบุคคล ด้านกระบวนการให้บริการ และด้านองค์ประกอบทางกายภาพ มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ 0.79 อยู่ในระดับมาก ดังนั้น สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการตลาดด้านส่วนประสมทางการตลาดบริการให้กับธนาคารออมสินได้12 14 - Publicationแรงจูงใจและส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกใช้บริการสินเชื่อจํานําทะเบียนรถ ธนาคารออมสิน สายงานกิจการสาขา 1.(University of the Thai Chamber of Commerce (UTCC), 2563.)
;นรวิชญ์ แก้วเจริญ. ; ; ;มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. สาขาวิชาการตลาด.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. คณะบริหารธุรกิจ.การศึกษาเรื่อง แรงจูงใจและส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกใช้บริการสินเชื่อ จำนำทะเบียนรถ ธนาคารออมสิน สายงานกิจการสาขา 1 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาแรงจูงใจที่มีผลต่อการเลือกใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ธนาคารออมสิน 2) เพื่อศึกษาส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ธนาคารออมสิน ได้ทำการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างที่ใช้บริการธุรกรรมทางเงินธนาคารออมสินจากสาขาในสังกัดสายงานกิจการสาขา 1 ที่มีความสนใจใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นแบบสอบถามในการเก็บข้อมูล และนำมาวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือทางสถิติ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี มีระดับการศึกษาสูงสุดอยู่ในระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพพนักงานบริษัท มีสถานภาพโสด และมีรายได้อยู่ในช่วง 10,000 – 20,000 บาท ด้านของพฤติกรรมการใช้บริการพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีความสนใจใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถของธนาคารออมสิน มีเหตุผลที่สำคัญที่สุด คือ ไม่ต้องใช้บุคคลค้ำประกัน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถของธนาคารออมสิน ผ่านช่องทาง Social media โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยที่มีความต้องการวงเงินกู้ระหว่าง 50,001 – 100,000 บาท ด้านแรงจูงใจในการเลือกใช้บริการส่งเชื่อจำนำทะเบียนรถ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่สนใช้บริการมีแรงจูงใจจากการใช้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถง่าย เพราะไม่ต้องใช้บุคคลค้ำประกัน ซึ่งเป็นแรงจูงใจภายในอยู่ในระดับสำคัญมาก และแรงจูงใจภายนอก คือ ขั้นตอนการใช้บริการที่สะดวกรวดเร็วและไม่ยุ่งยาก ในด้านของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดกับการเลือกใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ธนาคารออมสิน ที่ได้ทำการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด อยู่ในระดับสำคัญมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญมากที่สุด คือ ปัจจัยด้านราคา มีระดับความสำคัญอยู่ในระดับสำคัญมากที่สุด โดยที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญปัจจัยด้านราคา ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย สินเชื่อที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ในการใช้พิจารณาการใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ธนาคารออมสิน ปัจจัยด้านอื่นที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญรองลงมาโดยเรียงลำดับจากสำคัญมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ปัจจัยด้านพนักงาน ปัจจัยด้านกระบวนการให้บริการ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ปัจจัยด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาด และปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม ตามลำดับ28 37